วิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำทางการบริหารสถานศึกษา
ข้าพเจ้านายศรายุทธ เชื้ออัญ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาตั้งแต่วันที่ 21เดือนมีนาคม พ.ศ.2544 เป็นต้นมา ผ่านการบริหารสถานศึกษามาแล้ว 2 แห่ง ได้ตั้งปณิธานในการเป็นผู้บริหารก่อนเข้ารับตำแหน่งไว้ว่า จะเป็นผู้บริหารที่ “รอบรู้ สู้งาน จัดการดี มีคุณธรรม” และได้ตั้งใจปฏิบัติตนในตำแหน่งผู้บริหารให้เป็นไปตามปณิธานดังกล่าวเป็นประจำเสมอมา จนมีผลการบริหารสถานศึกษาที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไป สำหรับแนวทางในการบริหารสถานศึกษาในอนาคตข้าพเจ้าก็จะยังยึดปณิธานเดิมเพื่อปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาและนักเรียนตลอดจนบุคคลทั่วไป โดยแนวทางการบริหารสถานศึกษาด้านต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้
1. การบริหารงานวิชาการ ด้วยงานวิชาการเป็นหัวใจหลักที่เป็นภารกิจการบริหารที่สำคัญยิ่งเพราะสถานศึกษาจะต้องให้บริการแก่นักเรียน ชุมชน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นในฐานะผู้บริหารจะต้องสร้างและเสริมความเข้มแข็งงานด้านวิชาการให้แก่สถานศึกษาที่ตนสังกัดเป็นอันดับแรก โดยมีงานสำคัญที่ต้องคำนึงและส่งเสริมคือ งานด้านหลักสูตร งานด้านครูและบุคลากร ด้านสื่อและเทคโนโลยี ด้านสถานที่และบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ด้านงบประมาณสนับสนุน เป็นต้น ผู้บริหารจำเป็นจะต้องรับรู้สภาพปัจจุบันในเรื่องเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เชื่อถือได้ ละหลากหลายฒนาด้วยวิธีการที่เชื่อถือได้และหลากหลายทั้งนี้เพราะสภาพที่แท้จริงของสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลประกอบกทั้งนี้เพราะสภาพที่แท้จริงของสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลประกอบการนำเสนอทีมงานเพื่อประกอบการพิจารณากำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนานักเรียนให้เป็นผู้มีความรู้และทักษะที่เหมาะสมในระดับช่วงชั้นมีคุณลักษณะเป็นไปตามมาตรฐานของหลักสูตรในยุคและสมัยนั้นๆต่อไป
วิธีการที่จะนำมาใช้
1. บุคลิกภาพส่วนตัวในการเป็นผู้มีกัลยาณมิตรที่ดี การเป็นผู้มีทักษะในการสื่อสารทักในการรับรู้ข้อมูล
2. การสร้างทีมงานที่ดี มีเป้าหมายในงานร่วมกัน
3. ความจริงใจและตั้งใจในการพัฒนางานในทุกสถานที่และกับบุคคลที่หลากหลาย
4. ความซื่อสัตย์เสียสละ และปรารถนาให้บุคคลอื่นเป็นสุข
ผลที่คาดว่าจะเกิดจากการปฏิบัติ
1. นักเรียนในสังกัดมีความรู้ ทักษะและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่เป็นไปตามมาตรฐานของหลักสูตร
2. ครูและบุคลากรมีความสุขและก้าวหน้าในการประกอบวิชาชีพ
3. สถานศึกษามีความพร้อมด้านสื่อ สถานที่และบรรยากาศแห่งการเรียนรู้พร้อมที่จะให้
บริการ
4. ชุมชนพึงพอใจและร่วมมือในการพัฒนางานวิชาการของสถานศึกษา
2. งานด้านงบประมาณ
งานงบประมาณเป็นงานสนับสนุนหลักในการขับเคลื่อนภารกิจด้านต่างๆของสถานศึกษา เนื่องจากเกี่ยวข้องและผูกพันด้วยเรื่องเงินซึ่งถือเป็น 1 ใน 4 ของปัจจัยทางการบริหาร ผู้บริหารสถานศึกษามีหน้าที่ในการวางแผน จัดหา อนุมัติการใช้จ่ายเงิน นิเทศกำกับ และรายงานให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนต่างๆที่เกี่ยวข้องของทางราชการ ดังนั้นการจะบริหารงานงบประมาณได้ดีผู้บริหารจำเป็นจะต้องมีความรอบรู้และมีทักษะในเรื่องต่างๆอย่างน้อยดังต่อไปนี้
- ด้านการจัดทำงบประมาณ ได้แก่การกำหนดความต้องการทั้งในระยะสั้นและ
ระยะยาวผ่านกระบวนการจัดทำแผนงบประมาณ
- ระเบียบว่าด้วยการงบประมาณ การเงิน การพัสดุ ตลอดจนการบัญชีและ
หนังสือสั่งการที่ใช้บังคับในช่วงเวลานั้นๆ
- การตัดสินใจอนุมัติให้มีการใช้จ่ายเงินทั้งในและนอกงบประมาณเป็นไปตาม
ระเบียบใด
- การติดตามการใช้จ่ายเงินเป็นไปตามระเบียบและวัตถุประสงค์มากน้อยเพียงใด
- สามารถนิเทศ แนะนำ และกำกับการใช้จ่ายเงินให้ถูกต้องได้
เนื่องด้วยในปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายมุ่งเน้นพัฒนาด้านการศึกษาเป็นด้านหลักและใช้จ่ายเงินงบประมาณจำนวนมหาศาล สถานศึกษาในฐานะที่เป็นหน่วยงาน รับและจ่ายเงินให้เป็นไปตามนโยบายดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและสมประโยชน์ มีความถูกต้อง โปร่งใส ทันตามกำหนด สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นภาระอันสำคัญที่ผู้บริหารสถานศึกษาต้องคำนึงเป็นกรณีพิเศษ
วิธีการที่จะนำมาใช้
- ทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์
สุจริต
- ส่งเสริมให้ผู้ใต้บังคับบัญชาศรัทธาและเชื่อมั่นในความสุจริต
- ใช้การบริหารแบบมีส่วนร่วม ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ภาคี 4 ฝ่าย
- ยึดระเบียบราชการในการตัดสินใจ วินิจฉัย และสั่งการ โดยเฉพาะเรื่องการ
เงินพัสดุ
- ใช้คุณธรรมนำการบริหาร สร้างขวัญกำลังใจที่ดี ระบบตอบแทนที่เป็นธรรม
- สร้างทีมงานที่ดี
ผลที่คาดว่าจะเกิดจากการปฏิบัติ
- สถานศึกษา นักเรียน ครู ได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายเงินที่ถูกต้อง
- สถานศึกษาเข้มแข็ง เป็นตัวอย่างที่ดี และให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ
- ครู ชุมชน คณะกรรมการ มีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่และเห็นคุณค่าของ
เงินงบประมาณ
- ไม่มีเรื่องผิดวินัยเกี่ยวกับเรื่องการเงินการพัสดุใดๆ
3. การบริหารงานทั่วไป
งานบริหารทั่วไปนับเป็นกลุ่มงานที่มีปริมาณงานจำนวนมากที่เป็นทั้งงานสนับสนุนและงานตามปฏิทินในภารกิจเพราะสัมพันธ์กับงานอื่นในสถานศึกษาดังนั้นจึงนับเป็นกลุ่มงานที่จำเป็นและมีผู้รับผิดชอบจำนวนมาก ผู้บริหารสถานศึกษาจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญไม่แพ้งานงบประมาณและงานวิชาการ ภารกิจงานบริหารทั่วไปที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งประการหนึ่งคือ การรับนักเรียนที่ปัจจุบันรัฐธรรมนูญที่ใช้เป็นแม่บทในการปกครองประเทศไทยได้บัญญัติเรื่องความเสมอภาคโอกาสทางการศึกษาไว้ด้วย เพื่อที่สถานศึกษาต้องยึดและถือปฏิบัติโดยไม่ให้มีการละเว้นหรือปฏิเสธการเข้าเรียนของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วโรงเรียนในชนบทที่เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด นอกจากงานการรับนักเรียนแล้วในกลุ่มงานนี้ยังประกอบไปด้วยงานธุรการ งานเลขานุการคณะกรรมการสถานศึกษา งานข้อมูลสารสนเทศและงานการประชาสัมพันธ์การศึกษาซึ่งล้วนแต่เป็นงานที่ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของสถานศึกษาทั้งสิ้น ความรอบรู้ของผู้บริหารสถานศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลของสถานศึกษาจึงเป็นหัวใจด้วยประการนี้ ผู้บริหารต้องใช้ข้อมูลบริบทเบื้องต้นของสถานศึกษาประกอบในการวางแผนกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาทั้งสิ้น ดังนั้นคุณลักษณะผู้บริหารสถานศึกษาที่ควรจะมีเป็นอย่างน้อยประกอบด้วย
- ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล การแปลผลสรุปสภาพปัจจุบันของบริบทสถานศึกษา
- ทักษะการเป็นหัวหน้าทีมในการวางแผนกำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมายสถาน
ศึกษา
- การจัดระบบ วางตัวบุคคลที่เหมาะกับภารกิจ
- การสร้างทีมงานคุณภาพ
ฯลฯ
วิธีการที่จะนำมาใช้
- การประชุม
- การใช้กระบวนการวางแผน
- การสร้างทีมงาน
- การประชาสัมพันธ์
- การประสานงานกับหน่วยงานและผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอื่น
- ส่งเสริมข้าราชการครูในการพัฒนาตนเอง
ผลที่คาดว่าจะเกิดจากการปฏิบัติ
- งานบริหารทั่วไปสามารถสนับสนุนงานอื่นของสถานศึกษาให้เกิดความเข้มแข็งได้
- ครูและบุคลากรมีความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่และปฏิบัติงานด้วยความสุข
- นักเรียนได้รับประโยชน์สูงสุดและมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่พัฒนาขึ้น
- สถานศึกษาเข้มแข็งให้บริการนักเรียน ชุมชน และหน่วยงานอื่นได้
4. ด้านนโยบายด้านการศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามเป้าหมายของการบริหารสถานศึกษา
การกำหนดเป้าหมายใดๆของสถานศึกษาผู้บริหารสถานศึกษาในฐานะผู้นำขององค์กรมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเป็นบุคคลที่รวดเร็วในการรับรู้ข่าวสาร นโยบายของหน่วยงานต้นสังกัดและที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาเผยแพร่ให้ทีมงานในสถานศึกษาได้รับทราบและร่วมกันวิเคราะห์ สังเคราะห์ก่อนกำหนดเป็นแนวปฏิบัติของสถานศึกษาให้สอดคล้องและสนองต่อนโยบายนั้นๆ การกำหนดเป้าหมาสถานศึกษาต้องตั้งอยู่บนความเป็นไปได้และไม่ขัดนโยบายหน่วยงานต้นสังกัด บทบาทของผู้บริหารจึงควรเป็นดังนี้
- เป็นผู้ใฝ่รู้ชอบค้นคว้าและติดตามข่าวสารมีเครือข่ายทีมงานที่ดี
- เป็นหัวหน้าทีมในการวิเคราะห์สังเคราะห์และการระดมความคิดจากเพื่อนร่วม
งาน
- วางตัวเป็นกลางทางการเมืองไม่มีอคติ
- สามารถใช้สื่อเทคโนโลยีในการสืบค้นข้อมูลข่าวสารได้
- เป็นนักประชาสัมพันธ์ที่ดี
ฯลฯ
วิธีการที่จะนำมาใช้
- ส่งเสริมบุคลากรให้รักการค้นคว้าและติดตามข่าวสาร
- ปรับปรุงระบบอินเตอร์เนต
- ส่งเสริมบุคลากรในการสร้างเครือข่ายการพัฒนาเช่นชมรม กลุ่มเครือข่ายทั้ง
ที่มีแล้วและก่อตั้งขึ้นใหม่
- การแสวงหากลุ่มเครือข่ายพัฒนาตนเองของผู้บริหารสถานศึกษา
- การเข้ารับการอบรมสัมมนา
ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการปฏิบัติ
- ครูและบุคลากรเป็นผู้รวดเร็วในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร
- สถานศึกษาสมารถกำหนดนโยบายที่สนองนโยบายต้นสังกัดได้
- ครูและบุคลากรมีความเข้าใจและปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายของสถานศึกษา
ได้
- สถานศึกษามีการพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง
- นักเรียนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาและมีความสุขในการเรียนรักสถานศึกษา
ของตนเอง
|